บทคัดย่อ การวิจัยเชิงส ารวจนี้ มีวตัถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเล่นเกมและการติดเกมของ นกัเรียนระดบัชนั้มธัยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอ าเภอบางบวัทอง จังหวดันนทบุรี เก็บ ข้อมลูจากกลมุ่ตวัอยา่ง จ านวน 335 คน ที่ก าลงัศึกษาในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โดย ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบการติดเกมของกรม สขุภาพจิต กระทรวงสาธารณสขุ วิเคราะห์ข้อมลูโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ผลการวิจยั พบวา่ กลมุ่ตวัอยา่งเป็นเพศชาย ร้อยละ 50.4 เพศหญิง ร้อยละ 49.6 เป็นนกัเรียน ระดับชัน้มัธยมศึกษาปีที่ 1 ร้อยละ 30.8 ระดับชัน้มัธยมศึกษาปีที่ 2 ร้อยละ 34.3 และระดับชัน้ มธัยมศกึษาปีที่ 3 ร้อยละ 34.9 เกรดเฉลี่ย (GPA) ของกลมุ่ตวัอย่างเฉลี่ย 2.7 คะแนน ค่าใช้จ่ายที่ได้รับ ในการมาโรงเรียนเฉลยี่ประมาณ 103 บาทตอ่วนั โดยพบว่ากลมุ่ตวัอย่างเคยเล่นเกม ร้อยละ 88.1 เฉลี่ย ระยะเวลาในการเล่นเกมมาแล้ว 4.3 ปี กล่มุตัวอย่างมีพฤติกรรมการเล่นเกมในวันจันทร์ – ศุกร์ (วัน ธรรมดา) เฉลี่ย 2.6 ชั่วโมงต่อวนั และเล่นเกมในวนัเสาร์ – อาทิตย์ (วนัหยุด) เฉลี่ย 4.6 ชั่วโมงต่อวนัวัน ประเภทเกมที่นิยมเลน่มากที่สดุ คือ เกมผจญภัย เกมวางแผนการรบ และเกมกีฬาและแข็งขนัตามล าดบั โดยเลน่ที่บ้านมากที่สดุ ร้อยละ 78.3 เกินกว่าครึ่งหนึ่งเล่นเกมคนเดียว ร้อยละ 59.7 จากการแบ่งระดับ การติดเกมออกเป็น 3 ระดับ คือ กลุ่มติดเกม (รุนแรง) กล่มุคลงั่ไคล้ (ปานกลาง) และกล่มุไม่มี ปัญหา จ าแนกตามเพศ พบวา่ เพศชายอยใู่นกลุ่มติดเกม ร้อยละ 7.4 อยู่ในกลมุ่คลงั่ไคล้ ร้อยละ 19.6 และอย่ใูนกลมุ่ที่ไม่มีปัญหา ร้อยละ 73.0 ใ น ข ณ ะ ที่ เ พ ศ ห ญิ งอยู่ในกล่มุติดเกมร้อยละ 18.9 อย่ใูน กลมุ่คลงั่ –ไคล้ ร้อ ย ล ะ 11.4 และอยู่ใ น ก ลุ่ ม ไ ม่ มี ปั ญ ห า ร้ อ ย ล ะ 69.7 โดยเพศหญิงอย่ใูนกลมุ่ติด เกมมากกวา่เพศชาย งานวิจยัครัง้นมี้ีข้อเสนอแนะให้สถานศกึษาและผ้ปูกครองควรมีสว่นร่วมในการ ปรับเปลยี่นและแก้ไขปัญหาการติดเกมโดยเฉพาะในกลมุ่นกัเรียนหญิง
Download PDF Now
ดาวน์โหลดแล้ว 2466 ครั้ง